เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์ผลการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของสารเคมี โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ.2556 ข้อ 29 โดยกำหนดให้นายจ้างมีการตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศ ของสถานที่ทำงานและส่งรายงานให้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายให้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
โดยในข้อ 29 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
- ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัดและการวิเคราะห์ผลการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย
- ประกาศนี้บังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
- ในประกาศนี้ “การตรวจวัด” หมายความว่า การเก็บตัวอย่างสารเคมีในบรรยากาศของสถานที่ทำงานและสถานที่เก็บรักษาสารเคมีเพื่อนำมาวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติงาน
- นายจ้างต้องมีการตรวจวัดและวิเคราะห์ระกับความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศของสถานที่ทำงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
กรณีที่ความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศมีระดับเกินขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายตามข้อ 28 กำหนดให้นายจ้างใช้มาตรการกำจัดหรือควบคุมสารเคมี เพื่อลดระดับความเข้มข้นของสารเคมีมิให้เกินขีดจำกัด พร้อมทั้งตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสารเคมีภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีการปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จ
กรณีผมการตรวจสุขภาพของลูกจ้างมีความผิดปกติ เนื่องจากการทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ให้นายจ้างตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสารเคมีภายใน 30 วัน หลังจากที่นายจ้างทราบผลความผิดปกติเนื่องจากสารเคมี
กรณีที่มีการปรับปรุงชนิดหรือปริมาณของสารเคมี เครื่องจักร อุปกรณ์กระบวนการผลิต วิธีการทำงาน หรือวิธีการดำเนินการใดๆ ที่อาจมีผลต่อระดับความเข้มข้นของสารเคมี ในบรรยากาศของสถานที่ทำงาน ให้นายจ้างดำเนินการตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มของสารเคมีภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีการปรับปรุง
- การตรวจวัดและวิเคราะห์สารเคมีทางห้องปฏิบัติงาน นายจ้างต้องใช้วิธีการ เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานสากลหรือเป็นที่ยอมรับโดยอ้างอิงวิธีการจากหน่อยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ดังนี้
(1.) สถาบันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (The National Institute for Occupational Safety and Health :NIOSH)
(2.) สำนักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ประเทศสหรัฐอเมริกา (Occupational Safety and Health Administration : OSHA)
(3.) สมาคมนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมภาครัฐ ประเทศสหรัฐอเมริกา (American Conference of Governmental Industrial Hygienists : ACGIH)
(4.) สมาคมความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (Japan Industrial Safety and Health Association L : JISHA)
(5.) องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization : ISO)
(6.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
(7.) สมาคมการทดสอบและวัสดุอเมริกัน (American Society for Testing and Materials : ASTM)
นายจ้างต้องจัดการให้มีการสอบเทียบความถูกต้อง (Calibration) การตรวจสอบ การบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวัดและเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สารเคมีทางห้องปฏิบัติการตามวิธีของหน่วยงานมาตรฐานอ้างอิงตามวรรคหนึ่งหรือตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด ทั้งนี้ ให้ใช้วิธีการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน และเก็บหลักฐานไว้ให้พนักงานตรวจสอบความปลอดภัยตรวจสอบได้
- ผู้ตรวจวัดต้องมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์สาขาเคมี สาขาเคมีเทคนิค สาขาเคมีวิเคราะห์ สาขาเคมีอินทรีย์ สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม หรือปริญญาตรีสาขาอาชีวอนามัยหรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
- ผู้ตรวจวิเคราะห์สารเคมีอันตรายทางห้องปฏิบัติการ ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
- มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี สาขาเคมี สาขาเคมีเทคนิค สาขาเคมีวิเคราะห์ สาขาเคมีอินทรีย์ สาขาเคมีอนินทรีย์ สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม หรือปริญญาตรีสาขาอาชีวิอนามัยหรือเทียบเท่า
- มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์สาขาอื่นที่มีวิชาเรียนทางด้านเคมีไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และมีประสบการณ์วิเคราะห์สารเคมีอันตรายทางห้องปฏิบัติการเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
- เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักวิเคราะห์มืออาชีพสาขาเคมีของกรมวิทยาศาสตร์บริการหรือเป็นผู้ควบคุมดูแลห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือเป็นผู้ได้รับใบประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์แลเทคโนโลยี
- ให้นายจ้างมีการรายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสารเคมีตามเอกสารรายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะห์ความเข้มข้นของสารเคมีของสถานที่ทำงานของสถานที่ (สอ.3) และให้ส่งรายงานต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการตรวจวัดและวิเคราะห์
การดำเนินการ ต้องได้รับการรับรองรายงานผลจากผู้ดำเนินการตรวจวัดและผู้ตรวจวิเคราะห์สารเคมีอันตรายทางห้องปฏิบัติการ
การส่งรายงาน ให้นายจ้างส่งด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์ หรือทางไปรษณีย์ หรือทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ